บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ถวายเงินแก่หลวงพ่อ

อีกเรื่องหนึ่งที่ลุงดีใจ ก็คือ ลุงถวายเงินแก่หลวงพ่อ 20 บาท ในสมัยที่ลุงยังเป็นนักเรียนฝึกหัดครู

สมัยที่ลุงเป็นนักเรียนฝึกหัดครูนั้น วันเสาร์วันอาทิตย์ลุงจะหาโอกาสไปวัดปากน้ำ ไปเรียนภาวนาตามแบบของหลวงพ่อ

นักเรียนจะต้องมีเงินเก็บที่ครูผู้ปกครอง คนละ 100 บาททุกคน จะเบิกได้ครั้งละ 10 บาท ใครเบิกหมดไปแล้ว จะต้องนำมาฝากครูผู้ปกครองใหม่

ลุงจำได้ว่าเบิกเงินมาแล้วก็นำมาเก็บไว้ ยังไม่ได้ใช้ รวมไว้ได้ 20 บาท นำไปถวายหลวงพ่อ

หลวงพ่อเห็นเราแต่งตัว ก็ทราบว่าเราเป็นนักเรียนฝึกหัดครู เห็นเราควักเงินออกมาตรงเข้าไปจะถวายท่าน หลวงพ่อทำอย่างไร? ท่านอยากทราบ ลุงจะเล่าให้ฟังดังนี้

ครั้งแรกหลวงพ่อแสดงความลังเลใจ ทำท่าจะไม่รับเงิน จ้องมองดูลุงประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วก็ชี้มือให้เรานำไปมอบแก่ไวยาวัจกรของวัด ซึ่งลุงเสงี่ยมเป็นผู้ทำหน้าที่รับเงินและเขียนใบปวารณาให้ ลุงก็นำใบปวารณานั้นมาถวายหลวงพ่อ

หลวงพ่อรับใบปวารณาแล้ว ลุงก็กราบท่านด้วยความดีใจ

ทำไมหลวงพ่อจึงคิดนาน? กว่าที่จะรับเงินจากเรา

ท่านเห็นว่าเราเป็นนักเรียน จะมีเงินอะไรมาถวายท่าน? นั่นคือ ความคิดหนึ่ง แต่ในตอนที่ลุงมีอายุมาก ความคิดที่ว่านั้นไม่ถูกต้อง หลวงพ่อท่านมองเราแล้ว ก็ตรวจด้วยวิชาธรรมกายของท่าน

เหตุใดพ่อหนูคนนี้เอาเงินมาถวายท่าน? มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือ? ต่อเมื่อหลวงพ่อทราบความชัดแล้ว จึงตัดสินใจรับเงิน 20 บาทของลุง

ค่าของเงิน 20 บาท ในสมัยนั้น นับว่ามีค่ามากอยู่ หากหลวงพ่อไม่รับเงินจากลุง ลุงเสียใจแน่นอน เพราะเราตั้งใจไว้นานแล้ว

อุตส่าห์เก็บไว้กว่าจะได้ 20 บาท ต้องไปโกหกครูผู้ปกครอง อ้างความจำเป็นที่ต้องเบิกเงิน

ครูผู้ปกครองรู้ไม่ทันการโกหกของเรา อนุญาตให้เราเบิกเงินตามที่เราอ้าง จึงได้เงิน 20 บาท มาเก็บรวมไว้

หากหลวงพ่อไม่รับเงินจากลุง ลุงเสียใจแน่นอน แปลว่าลุงได้ร่วมบารมีกับหลวงพ่อแล้ว หากลุงไม่ถวาย ลุงจะไม่ได้บารมีอะไรเลย เพราะจะรอให้เราออกรับราชการ มีเงินเดือนก็มาถวายได้ นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ไม่มีความแน่นอนอะไร?

ครั้นเหตุการณ์ผ่านมานานปี ถึงสมัยที่ลุงเรียนจบและรับราชการแล้ว ได้พบแม่ชีถนอม อาสไวย์ แม่ชีเล่าว่า แม่ชีเป็นหัวหน้าเวร หลวงพ่อให้เงินเดือนๆ ละ 300 บาท

แม่ชีถนอมบอกว่า พยายามเก็บรวบรวมไว้ พอครบจำนวนแล้ว แม่ชีรับเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระทันที เราได้โอกาสสร้างบารมีแล้วจะเก็บเงินไว้ทำไม?

โอกาสสร้างบารมีไม่ใช่หาได้ง่ายๆ มีจังหวะแล้วให้ทำทันที หลวงพ่อก็ทำเป็นตัวอย่างให้เราดูอยู่แล้ว

พอแม่ชีเล่าถึงตรงนี้ ทำให้ลุงระลึกถึงเรื่องลุงถวายเงิน 20 บาทแก่หลวงพ่อขึ้นได้ จึงนำมาเล่าให้พวกเราฟัง

เอาเรื่องนี้มาเล่า มีวัตถุประสงค์อะไรหรือ? วัตถุประสงค์ก็คือ วันนี้ลุงได้ข้อคิด ข้อคิดนั้นคืออะไร?

ข้อคิดนั้นคือ เราได้สร้างบารมีกับหลวงพ่อตั้งแต่ครั้งเราเป็นหนุ่ม บารมีนี้จะช่วยให้เราไม่พลัดกับหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเป็นผู้มีธรรมอันยิ่งใหญ่ ท่านไม่ใช่พระสงฆ์ธรรมดา พระสงฆ์ธรรมดาจะมาค้นคว้าวิชาธรรมกายได้อย่างไร?

หลวงพ่อทำวิชาปราบมาร นี่คือข้อมูลที่เรียนรู้มาได้ คนบารมีธรรมดาจะปราบมารไม่ได้ ความรู้ปราบมารเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าภาคปราบ ไม่ใช่ความรู้ของพระพุทธเจ้าภาคโปรด

เราพบแต่พระพุทธเจ้าภาคโปรดมาตลอด ไม่พบพระพุทธเจ้าภาคปราบเลย เพราะพระพุทธเจ้าภาคปราบหายากมาก นั่นเอง

ดังนั้น เมื่อเกิดมาพบหลวงพ่อแล้วถือว่ามีบุญมาก ควรทำอะไรไว้กับท่านให้พร้อม เป็นบารมีสำคัญที่หาโอกาสยากมาก

ลุงได้บวชเณรถวายหลวงพ่อนั้น ลุงคิดถูกแล้ว อะไรมาดลใจให้ลุงต้องทำอย่างนั้น? ทั้งที่ตอนนั้นลุงมีอายุ 24 ปี เป็นข้าราชการชั้นตรีแล้ว ดังที่เคยเล่ามาแล้วนั้น

หากลุงบวชพระเรื่องจะยาวความ ใครๆ ต้องมายุ่งกับลุงหลายคน เรื่องราวจะไปกันใหญ่ อีกทั้งเป็นข้าราชการ จะต้องไปปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการอีกต่างหาก ยุ่งยากซับซ้อนมาก จึงเอาแค่บวชเณรนั้นดีแล้ว ง่ายดี สะดวกดี ไม่ต้องมีใครมาเดือดร้อนกับเรามาก

ทุกอย่างเสร็จเร็วเรียบง่าย เกิดความโล่งอกโล่งใจแก่เรา เราบวชแค่ 7 วันเท่านั้น เดี๋ยวก็ลาสิกขาแล้ว
นี่คือประวัติที่ดีงาม ที่ลุงทำถวายแก่หลวงพ่อ ในโอกาสที่หลวงพ่อมรณภาพ

ขอให้พวกเราคิดไว้เสมอว่า จงทำประวัติของเราให้ดี อย่าให้ประวัติเสียกันอันขาด เพราะคนเราดีที่ประวัติเสียเป็นอันขาด เพราะคนเราที่ประวัติ ต้องพยายามรักษาประวัติของเราไว้ อย่าให้มีอะไรด่างพร้อย

1 ความคิดเห็น: