บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ประวัติการเรียน

เรียนประถมศึกษา


จบประวัติตอนเป็นทารกและเด็กน้อย คือ เมื่อเป็นทารกน้อยพบวิบากกรรมคือ ตกน้ำ

พอเติบโตมาเป็นเด็กน้อย ยังไม่ได้เข้าโรงเรียนประถมศึกษา ช่วยบิดามารดาด้วยการเลี้ยงควาย พบวิบากกรรมตกจากหลังควาย 1 ครั้ง (แผ่นดินหมุน) ควายขวิดกันในแม่น้ำ หนีเอาตัวรอดมาได้ 1 ครั้ง และอีก 1 ครั้ง ก็ถูกควายขวิด แต่ปลายเขาไม่ถูกลำตัว รอดตายมาได้

ส่วนประวัติตอนเข้าโรงเรียนประถมศึกษานั้น ราบรื่น ไม่เจ็บป่วย เรียนจนจบชั้น ป.4 ที่โรงเรียนวัดท่าจัด ซึ่งเป็นโรงเรียนประชาบาลที่บ้านเกิด นับว่าเป็นช่วงที่ปลอดโปร่งดีมาก

เรียนมัธยมศึกษา

ลุงเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนอุภัยภาดาวิทยาลัย เป็นโรงเรียนของวัดสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นโรงเรียนราษฏร์ (การศึกษาเอกชน)

การเรียนมัธยมศึกษาของลุงนี้ กล่าวเป็น 2 ตอน ตอนแรกเรียนชั้น ม.1 ถึงชั้น ม.5 ไม่มีอุปสรรคอะไร?

ตอนที่ 2 เรียนชั้น ม.6 ตอนที่เรียนชั้น ม.1 ถึงชั้น ม.5 นั้น เป็นเด็กวัดอาศัยอยู่กับพระ

การเรียนชั้นม.5 นั้น มีเรื่องน่าตื่นเต้นอยู่เรื่องเดียวคือ ในตอนปลายปีนั้น รู้จักกับผู้ใหญ่ยันต์ ผู้ใหญ่คนนี้ไปขอยืมม้าของศึกษาธิการอำเภอสองพี่น้องมาให้ 1 ตัว เพื่อให้หัดขี่

เมื่อขี่ม้าเป็นแล้ว จะได้สะดวกต่อการเดินทางไปเที่ยวบ้านเกิดได้สะดวกขึ้น การคมนาคมยุคนั้นไม่มีรถยนต์ จะไปไหนมาไหนก็ลำบากไปหมด

 การคมนาคมทางน้ำมีเรือยนต์บ้าง แต่ไม่มาก การไปมาทางบกขี่ม้าจะดีที่สุด

ศึกษาธิการอำเภอสองพี่น้องในสมัยนั้น ชื่อนายสหัส นิยมศิลป์ เวลาท่านมาตรวจโรงเรียน ท่านจะขี่ม้ามา ลุงเห็นเข้าก็อยากขี่บ้าง โชคดีอย่างไรไม่ทราบ ผู้ใหญ่ยันต์ขอม้ามาให้ได้ 1 ตัว ลุงก็เอามันมาเลี้ยงไว้ที่วัด ได้เวลาก็จูงมันไปผูกไว้ในที่มีหญ้า

มันก็กินหญ้าที่นั่น พอเวลาเย็นก็เอามาให้กินน้ำ และทำความสะอาดตัวของมัน กลางคืนก็ผูกมันไว้ที่ใต้ถุนกุฏิ

เวลาฝึกขี่ ก็ฝึกตอนเช้า ขี่เท่าไรมันก็พาลุงวิ่งเข้าใต้ถุนบ้านของชาวบ้านร่ำไป จนชาวบ้านที่เขาใส่บาตรตอนเช้าต้องยืนดู จำเหตุการณ์ได้อย่างนั้น

เฉียดตายครั้งที่ 5

เรื่องมีอยู่ว่า ลุงขี่ม้าแล้วบังคับไม่อยู่ พอถึงป่าช้าวัดยวน มันวิ่งข้ามร่องอ้อยของชาวบ้านระยะทางยาว หากตกม้าศีรษะของเราก็ฟาดร่องอ้อย แล้วอะไรจะเกิดแก่เรา?

มันหวาดเสียวที่สุด ทำไมตัวของลุงจึงเลื่อนมาอยู่ที่คอของมันได้อย่างไร?

จำได้แม่นยำ วันนั้นขี่ม้าไปบ้านเกิด เพื่อจะเอาเงินมาจ่ายเป็นค่าเทอม จึงขี่วัดออกจากวัดสองพี่น้อง วิ่งเรียบไปตามเส้นทางต่างๆ มุ่งหน้าไปบ้านบางพลับบ้านเกิด แต่เป็นระยะทางไกลมาก

จุดหมายสำคัญมี 2 จุด คือ จุดแรกต้องผ่านป่าช้าวัดยวน (วัดแม่พระประจักษ์ เป็นวัดคริสต์) ผ่านจุดนี้แล้วจึงจะถึงวัดท่าจัด แล้วจากนั้นจึงจะไปถึงบ้านเกิดของลุง

การเดินทางดำเนินมาด้วยดี ท้าก็วิ่งด้วยอาการปกติ ผ่านต้นไม้รายทางไปตลอดรู้สึกสดชื่น แต่พอมาถึงป่าช้าวัดยวน

ลักษณะของป่าช้ามีหลุมศพเรียงรายไป มีไม้กางเขนปักเรียงกันไป ศพหนึ่งก็มีไม้กางเขนปัก 1 ป้าย บอกให้รู้ว่าเป็นศพของใคร?

เมื่อสิ้นสุดบริเวณป่าช้าแล้ว ก็เป็นไร่ของชาวบ้าน เป็นไร่อ้อย แต่เขาทำเป็นร่อง เว้นระยะ ห่างของร่องไว้พอสมควร เส้นทางของร่องอ้อยเป็นระยะทางยาวมาก

กล่าวถึงการวิ่งของม้า แต่เดิมก็วิ่งเป็นปกติ แต่พอมาถึงป่าช้าวัดยวน มันวิ่งแบบเตลิดเปิดเปิง ลุงบังคับเชือกเท่าไรมันก็ไม่ฟัง

มันยังคงวิ่งแบบไม่คิดชีวิต มันเป็นความเร็วสุดขีด หมดความสามารถที่เราจะบังคับให้ช้าแล้ว

มันใส่ความเร็วแบบไม่คิดชีวิต ไม่รู้เหตุผลของมัน เหตุใดมันต้องเตลิดเปิดเปิงเช่นนั้น?

ฝีมือการขี่ม้าของลุงยังไม่ถึงขั้นที่ม้าจะใช้ความเร็วปานนั้น ลุงยังขี่ไม่เป็น เพราะยังเริ่มฝึกขี่ใหม่ๆ เท่านั้น

มาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เหมือนฝันร้าย เราต้องตกจากหลังม้าแน่นอน ความสามารถที่เราจะขี่ม้าแบบโลดโผน เรายังทำไม่เป็น นี่คือ ข้อมูลความสามารถในการขี่ม้าของลุง

เมื่อพ้นบริเวณป่าช้าวัดยวนแล้ว ก็มาถึงร่องอ้อยของชาวบ้าน เป็นร่องอ้อยระยะทางยาว วิธีวิ่งของมันมันใช้การกระโจนจากร่องอ้อยหนึ่งไปยังอีกร่องอ้อยหนึ่ง ตัวม้าจะลอยขึ้น แล้วคนขี่หลังม้าก็ต้องทำตัวลอยตามด้วย ทำเช่นนี้ไปจนกว่าจะสิ้นสุดเส้นทางของร่องอ้อยชาวบ้าน

เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดว่าเราจะมาพบแบบนี้ คิดแต่ว่าขี่ม้าไปบ้านเพื่อจะเอาเงินมาจ่ายค่าเทอม ขี่ม้าวิ่งเรียบเส้นทางไป ลมเย็นๆ เดี๋ยวก็ถึงบ้านเกิด หากเราเดินด้วยเท้าจะใช้เวลาเป็นวัน ขี่ม้าไป เดี๋ยวก็ถึงบ้าน เราคิดอย่างนั้น

แต่ที่ไหนได้ เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า เราต้องมาพบเหตุการณ์หวาดเสียวอันตราย เรายังขี่ม้าไม่เป็น เราเพิ่งฝึกขี่เท่านั้น ถ้าเราตกจากหลังม้าอะไรจะเกิดแก่เรา?

ในช่วงที่ม้าวิ่งเร็วผ่านเส้นทางป่าช้าวัดยวน ถ้าเราตกจากหลังม้าในช่วงนี้ ถามว่า อะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา? ร่างกายของเราจะไปกระทบอะไรบ้าง? จะได้รับอันตรายอย่างไร? เพราะช่วงนี้ท้าวิ่งเร็วแบบบ้าดีเดือด

ทำไมมันถึงวิ่งเร็วแบบคลั่งเช่นนั้น?

ในวันนั้นลุงยังคิดไม่ได้ แต่วันนี้ลุงคิดได้แล้ว เหตุที่มันวิ่งแบบบ้าคลั่งอย่างนั้น เพราะมันเห็นผีในป่าช้าที่เราผ่าน นั่นเอง เพราะไม้กางเขนปักประจำศพเรียงรายไป

ผีก็ต้องแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง จนเป็นเหตุให้ม้าตกใจกลัว จึงวิ่งเตลิดเปิดเปิง

อีกใจหนึ่งก็ทบทวนเหตุการณ์ดูใหม่ ม้าตัวนี้เราเลี้ยงอยู่ในวัดสองพี่น้อง เราผูกให้กินหญ้าในบริเวณวัด และก็มีการเผาศพทุกวัน ม้าก็กินหญ้าอยู่ใกล้ป่าช้าของวัดสองพี่น้อง

เหตุใดผีไม่หลอกมัน? เราผูกเชือกให้กินหญ้าตรงไหน? มันก็กินอยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นบริเวณไม่ไกลจากป่าช้า

ทำไมผีไม่หลอกมัน? ทำไมมันไม่วิ่งหนี? ก็เห็นมันกินหญ้าเป็นปกติ แต่ทำไมพอเรามาถึงป่าช้าของวัดยวน? มันกลับวิ่งเตลิดเปิดเปิง

เหตุการณ์ผ่านป่าช้าวัดยวน ลุงไม่ตกจากหลังม้า นับว่าเป็นบุญแล้ว เหตุใดลุงไม่ตกจากหลังม้า?
ลุงไม่ทราบเหตุผล หากบอกลุงขี่ม้าเป็นแล้ว ลุงคัดค้าน เพราะลุงยังไม่ถึงขั้นนั้น ลุงเพิ่งจะหัดขี่เท่านั้น

คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนหวาดเสียวอีกขั้นตอนหนึ่ง คือ ขั้นตอนม้าวิ่งข้ามร่องอ้อย ถ้าลุงตกจากหลังม้าในขั้นตอนที่ม้าวิ่งข้ามร่องอ้อย ศีรษะของเราก็จะโหม่งร่องอ้อยแน่นอน

แล้วอะไรจะเกิดแก่เรา? เราก็ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก นี่คือ ความหวาดเสียว! นี่คือ อันตรายใหญ่หลวง! แต่ลุงโชคดีที่ไม่ตกจากหลังม้า

ลุงไม่รู้อะไรแล้ว ลุงจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เหตุการณ์ม้าวิ่งข้ามร่องอ้อย ลุงลำดับไม่ถูกแล้ว ลำดับความได้ถูกก็มาถึงตอนที่ม้ามันเหนื่อย มันวิ่งไม่ไหวแล้ว มันชะลอความเร็วลงเอง โดยที่ลุงไม่ได้บังคับเชือกแล้ว

ลุงเลื่อนตัวของลุงเองจากขี่ที่หลังม้ามาขี่ที่คอของมันได้อย่างไร? ลุงนึกไม่ออกว่าเหตุการณ์ตอนไหน? มีความเป็นมาอย่างไร? ลุงไม่รู้แล้ว ลุงลำดับความไม่ได้แล้ว

รู้แต่ว่าตอนนี้ม้ามันเหนื่อยแล้ว มันวิ่งไม่ไหวแล้ว และมาถึงหลังโบสถ์วัดท่าจัดแล้ว ม้ามันหยุดวิ่งไปเฉยๆ แล้วมันก็ยืนนิ่ง ลุงก็เลื่อนตัวของลุงจากคอม้ามาสู่พื้น แล้วลุงก็นั่งพัก

ใจไม่อยู่กับตัว อะไรเกิดแก่ลุง? และลุงจะทำอย่างไรต่อไป? นึกลำดับความใหม่ว่า เรื่องอะไรกัน? ทำไมม้ามันวิ่งแบบบ้าบออย่างนั้น?

ตั้งแต่ตรงไหนถึงตรงไหน? ทำไมตัวเรามาอยู่ที่คอม้าตั้งแต่เมื่อไร? ตอบไม่ได้! เพราะใจหายใจคว่ำมาตั้งแต่ตอนถึงป่าช้าวัดยวนแล้ว ม้ายังยืนนิ่งครู่หนึ่งด้วยความเหนื่อย เมื่อมันเหนื่อยแล้ว มันจึงวิ่งก้มกินหญ้าตามคันนาต่อไป

เหตุการณ์ขี่ม้าของลุงวันนี้ เหมือนกับว่าเราจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว รอดตายมาได้ก็บุญแล้ว

นี่คือ เหตุการณ์ที่ลุงเรียนหนังสือชั้น ม.5 เป็นเด็กวัดสองพี่น้อง อาศัยอยู่กับพระเพื่อเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนอุภัยภาดาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนราษฎร์ของวัดสองพี่น้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น